“นุ๊ก สุทธิดา” สุดสตรอง! เผยสิ่งที่ต้องเผชิญโรคมะเร็งไทรอยด์และซึมเศร้า ลูก-สามีคือก…
เป็นอีกหนึ่งคุณแม่สุดสตรอง สำหรับนักร้องและดาราดังยุค90 “นุ๊ก – สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” ที่เจอกันกี่ครั้งก็ยังหน้าเด็กไม่เปลี่ยน เรียกว่ากาลเวลาทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ แต่ต้องบอกว่าเห็นแบบนี้เจ้าตัวผ่านเรื่องราวมากมายที่เป็นอุปสรรคชีวิต โดยเฉพาะอาการป่วยที่ต้องเผชิญทั้ง โรคมะเร็งไทรอยด์ , โรคซึมเศร้า และแพนิค ที่กว่าจะเอาชนะมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายทีเดียว
โดย “นุ๊ก” ได้มาเปิดใจทั้งเรื่องอาการป่วยและชีวิตส่วนตัว ในรายการ “รายการ Rise & Shine ชีวิตดีเริ่มที่ตัวเรา ซีซัน 3” ทาง “พีพีทีวี เอชดี ช่อง36” มีสาวเก่ง “นิหน่า สุฐิตา” รับหน้าที่พิธีกรล้วงลึก
รู้จัก “มะเร็งต่อมไทรอยด์” โรคที่ “นุ๊ก-สุทธิดา” ถือเป็นภัยเงียบ ไม่ไปตรวจสุขภาพจะไม่รู้ สัญญาณ “มะเร็งต่อมไทรอยด์” มะเร็งที่แพร่ไปต่อมน้ำเหลือง-กระดูกได้ง่าย
ซึ่ง “นุ๊ก” ได้เริ่มเล่าว่า “ตอนนี้ถ่ายละคร รับบทบาทเป็นคุณแม่และคุณครู เพราะลูกคนเล็กโฮมสคูล ส่วนเรื่องสุขภาพก็ดูแลตัวเอง พบแพทย์ทุก 3 เดือน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และที่สำคัญที่สุดคือออกกำลังกาย
ก่อนหน้านี้ นุ๊กตรวจเจอมะเร็งไทรอยด์แล้วก็ลามไปยังต่อมน้ำเหลือง แต่ยังเรียกรวมว่าเป็นมะเร็งไทรอยด์ เพียงแต่แค่มันลามไป ประมาณ 16-18 จุดของต่อมน้ำเหลือง คือมะเร็งไทรอยด์มันจะไม่มีอาการใดๆ เลย เพียงแต่มันจะมีก้อนให้เราเห็น เป็นก้อนที่คอ ซึ่งก้อนนี้มันน่าจะมานานหลายปีแล้ว แต่ตัวเองไม่ได้สนใจ เราก็แค่เอ๊ะ ทำไมมันเป็นก้อน แต่มันไม่ได้มีอาการอะไร เราก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
เรามีเพื่อนเป็นหมอ แต่เป็นหมอผิวหนัง เพื่อนก็ทักว่ามันเป็นก้อนหรือเปล่า เราก็บอกว่าใช่ เพื่อนเลยบอกว่า แล้วทำไมไม่ตรวจ พอรุ่งขึ้นก็ตรวจเลย ตอนแรกหมอก็ยิ้มแย้ม ทักว่าคุณนุ๊กใช่ไหมครับ สักพักหมอเริ่มเครียด เริ่มตอบช้า เราก็เลย คิดว่าใช่ ใช่ไหมคะ หมอก็บอกว่า ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ แต่ต้องเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ตอนนั้นรูขุมขนเราเปิดเลย แล้วคิดว่าเรามาถึงจุดนี้แล้วหรอ ที่เราเป็นมะเร็ง พอเจาะชิ้นเนื้อเสร็จ เราต้องผ่าตัด จองห้องเรียบร้อย เราก็ต้องอยู่ที่ห้องตะกั่วเลย เราบอกหมอว่าต้องนัดคิว เราก็ให้จองให้หมดเลย ไปจนสุดการรักษามะเร็ง นุ๊กไม่ได้เป็นมะเร็งในประเภทที่ลามเร็ว แต่ก็ไม่ได้ลามน้อย อยู่กลางๆ การรักษามันมีระยะเวลาในการรักษา เช่น เวลารอผลตรวจ เวลารอผ่าตัด เวลาพักฟื้น กลืนแร่ และเวลาเข้าห้องตะกั่ว แต่นุ๊กพยายามทำทุกอย่างให้เร็วมาก สมมติ ครบ 3 วัน ทำอันนี้ได้ก็ทำเลย เพราะนุ๊กจองไว้หมดแล้ว
ซึ่งตอนนี้ ก็มีผลข้างเคียงที่กระทบทั้งร่างกายและจิตใจ ตั้งแต่อารมณ์ของตัวเองไปจนถึงร่างกาย ทั้งเรื่องของกระดูกผิวพรรณ ผม เล็บ จนทำให้เกือบถอดใจ พอตัดต่อมไทรอยด์ออกไป ก็ต้องทานฮอร์โมนทดแทน ตัวฮอร์โมนทดแทนนั้น จะต้องวัดปริมาณของยาให้มันบาลานซ์กับทั้งโรคที่เราเป็น แล้วก็ตัวเราเองด้วย ช่วงนั้นทานยาตลอด และในทุกๆ 3 เดือนก็ต้องไปตรวจเลือดตลอด จนกว่าจะหาค่าฮอร์โมนจะดีขึ้น ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
พอทานยาเข้าไปมากหรือน้อยไป มันก็มีผลกระทบข้างเคียงหลายอย่างมาก เช่น ผมร่วง ผอมไป อ้วนไป จนทำให้มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงรูปร่างและหน้าตาของนุ๊ก อีกทั้งช่วงแรกๆ ที่ล้มป่วยก็จะมีคนมาคอมเมนต์ว่า ‘ป่วยจริงไหม ไม่เหมือนคนป่วยเลย‘ เกือบทุกรูป แต่ก็ไม่ได้คิดมาก เพราะว่าแสดงว่าเราเหมือนคนที่ไม่ป่วย ซึ่งนุ๊กคิดว่ามันเป็นเรื่องดี ก็ต้องคิดในแง่บวกไว้ก่อน”
บทบาทแม่ลูกสามของ “นุ๊ก สุทธิดา” หวงมาก แต่รับได้ถ้าลูกมีแฟน
“นุ๊ก สุทธิดา” ยันสัมพันธ์ “ฮากีม” ยังแฮปปี้ สามีย้ายมาอยู่ไทยถาวรแล้ว
นอกจากนั้น “นุ๊ก” ยังบอกอีกว่า ตัวเองเป็น “โรคซึมเศร้า” ซึ่งก่อนที่จะตรวจเจอ อาจเป็นเพราะเราเป็นมะเร็งไทรอยด์ด้วย เลยอาจจะทำให้ตัวฮอร์โมนมันผิดแปลกไปด้วย อีกส่วนนึงน่าจะมาจากทานยาผิด เป็นยาสมาธิสั้นของเด็ก ของลูก ตอนนั้นหมอให้ทาน แต่พอทานไป 3 เดือน เริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ แล้วโชคดีที่คนรอบข้างเป็นซึมเศร้า เรารู้สึกว่ามันใกล้เคียง เราเลยไปหาจิตแพทย์ เราก็เล่าว่าทานยาอันนี้ๆ อยู่ หมอเลยบอกให้หยุดยา ตัวนี้แหละที่เป็นต้นเหตุ ทีนี้พอทานไป 3 เดือน ต้องรักษาไปเป็นปี
เป็นซึมเศร้าบวกกับแพนิคด้วย รู้สึกว่าไม่อยากทำอะไร มันเหนื่อยไปหมด มองใบไม้ แล้วคิดว่าเกิดมาทำไม พอหายแล้วมองย้อนกลับไปมันก็คิดว่า คิดไปได้ไง แล้วก็ต้องบอกว่าจิตแพทย์ เซฟครอบครัวนุ๊กมากเลยนะ ถ้ามันแค่เริ่มต้น อยากให้ทุกคนไปหา ชีวิตมันจะดีขึ้นมาจริงๆ บางคนอายแล้วไม่กล้ามา นุ๊กเองก็เผชิญมันด้วยความเข้มแข็งทั้งกายและใจ
หลังรักษาตัวแล้ว จริงๆ กลับมาหลังจากตัดไทรอยด์ ก็ต้องต่อสู้กับตัวเอง เพราะว่ามันมีแพนิคเกิดขึ้น เนื่องจากพอเราตัดออกไป ฮอร์โมนเราก็สลวน เราก็เติมฮอร์โมนทดแทน เพราะฉะนั้นสลวนมาก แต่พอยิ่งเป็นแบบนี้เราก็ยิ่งบังคับตัวเองให้ออกกำลังกาย แล้วเราก็รู้ว่า พอออกกำลังกายแบบนี้มันก็เป็นเรื่องยาก บางทีออกกำลังกายไป ก็ร้องไห้ไป แต่สุดท้ายพอเราทำจนชิน มันก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง แต่ใช้เวลาเหมือนกัน ตอนนี้ง่ายๆ เลยทำตามความสุขตัวเองไปก่อน คือ ไม่ถึงกับกินคลีน พยายามทานอาหารสดใหม่เสมอ มีเอนไซม์ ในขณะเดียวกันก็ทานอาหารที่ชอบด้วย ไม่ได้ตัดไปเลย เพียงแค่ลดสัดส่วน ที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกาย”
เรื่องชีวิตส่วนตัว “นุ๊ก” ย้อนเล่าว่า “ความใฝ่ตอนเด็ก ไม่ได้อยากเป็นนักร้อง นักกีฬา อย่างเป็นนักวิ่งทีมชาติ ยุคนั้น ‘เรวดี ศรีท้าว’ ดังมาก ในยุคนั้น และต่างประเทศก็มี ‘ลิเดีย เดอเวก้า’ ชอบดูวิ่งมาก และตอนนี้ก็ชอบดูกีฬา ในไอจีตอนนี้ก็มักจะตามนักมวย ชอบดูมวย อีกอย่างสามีเป็นเทรนเนอร์และนักกีฬา เขาคือแรงบันดาลใจที่ดี เพราะชอบทำลายสถิติทุกปีและเขาไม่หยุดนิ่ง เวลาเราไปเที่ยวกัน เวลาไปเที่ยวกัน เขาก็ยังออกกำลังกาย
ส่วนลูกชายทั้ง 3 คน ถามว่าจัดการยากไหมที่อายุเขาห่างกัน ก็มีทั้งข้อดี ข้อเสีย วัยรุ่นเขาก็จะมีอีกมุมของเขา เราก็ต้องโตขึ้นตามเขา มันมีหลายอย่างไม่เหมือนในยุคเรา ก็ต้องเรียนรู้กันไป เมื่อก่อนอยากให้ลูกอยู่ในกรอบ แล้วเราก็มารู้ว่าเราเรียนรู้ทุกอย่างได้จากความผิดพลาด การประสบความสำเร็จเหมือนเป็นกำไรชีวิต แต่ก็อาจจะไม่ได้ทำให้เราเรียนรู้ได้ เราก็เลยชิลล์กับลูก อยากให้ลูกได้เรียนรู้ เพราะวัยรุ่นเวลาเขาพลาด มันยังมีโอกาสให้แก้ได้เยอะ แต่เขารับผิดชอบมากนะ เมื่อก่อนสมัยเราคุณแม่ยังไปงัดจากที่นอนอยู่เลย (หัวเราะ)”